• img img
  • img img
  • img img
  • img img
  • img img
  • img img
  • img img

รายละเอียดสินค้า

เมื่อการล้างไม่เพียงพอที่จะกำจัดกลิ่นนี้ได้ น้ำยากำจัดกลิ่น Odor Eliminator ของ Gear Aid ช่วยคุณได้ ใช้ส่วนผสมจากจุลทรีย์ธรรมชาติที่ช่วยกำจัดกลิ่นที่เกิดจาก แบคทีเรีย เชื้อรา ได้อย่างปลอดภัย สามารถใช้ได้กับอุปกรณ์เดินทาง แค้มปิ้ง ไปจนถึง อุปกรณ์สำหรับกิจกรรมทางน้ำ สามารถกำจัดกลิ่นอับชื้นจากเชื้อรา กลิ่นตัว กลิ่นจากสัตว์เลี้ยง กลิ่นจากแบคทีเรีย กลิ่นไม่พึงประสงค์เหล่านี้ ทำให้อุปกรณ์ราคาแพงของคุณเสื่อมสภาพ

คุณสมบัติ

  • กำจัดกลิ่นที่เกิดจากจุลินทรีย์ โดยการผสมน้ำสามารถใส่ขวดสเปรย์หรือแช่อุปกรณ์ที่ต้องการกำจัดกลิ่น
  • สูตรย่อมสลายได้ ไม่กี่กลิ่นฉุน ปลอดภัย สามารถใช้กับเต็นท์ ถุงนอน  อุปกรณ์ไตรกีฑา ผ้าใยสังเคราะห์ ชุดดำน้ำ ชุดจักรยาน รองเท้า ถุงมือ และอื่นๆ
  • สูตรเข้มข้น ผสมน้ำยาเพียง 15 ml ต่อน้ำ 75 ลิตร ใช้ได้กับเสื้อผ้า อุปกรณ์หลายชิ้นต่อครั้ง
  • กำจัดกลิ่นซึ่งเกิดจากเหงื่อ ยูรีน รา แบคทีเรีย
  • แทรกซึมเข้าไปในเส้นใยของผ้า ยาง แม้แต่วัตถุพื้นผิวแข็ง เพื่อกำจัดกลิ่น
  • ใช้งานง่าย เพียงแค่ผสมน้ำ
  • สามารถใช้กับเครื่องซักผ้าระบบ HE , สามารถใช้การแช่ หรือ ผสมน้ำยาใส่ขวดสเปร์สำหรับฉีดพ่น
  • เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เมื่อผสมน้ำแล้ว ควรใช้ภายในเวลา 72 ชั่วโมง
  • สามารถใช้กับผ้าไนลอนเคลือบ เช่น ผ้า Gore Tex , ขนเป็ด หรือแนวนไยสังเคราะห์ นีโอพรีน และอื่น
  • ขนาด 60 ml / 296 ml

 

ส่วนผสม

  • การแช่ สัดส่วนน้ำยา 15 ml ต่อน้ำ 75 ลิตร แช่ทิ้งไว้ ผึ่งลม ห้ามล้างน้ำออก
  • แบบฉีด ผสม 15 ml ต่อน้ำ 350 ml ใส่ขวดหัวฉีดสเปร์ ผึ่งลม
  • ใช้เครื่องซักผ้า ผสมน้ำยา 30 ml ในช่องน้ำยาปรับผ้านุ่ม ระหว่างการล้างครั้งสุดท้าย สำหรับเครื่องซักผ้าฝาบน ผสมน้ำยา 60 ml ผึ่งลม

 

น้ำยากำจัดกลิ่นตัวนี้ สามารถกำจัดเชื้อรา ได้ไหม ?

  • คำตอบขึ้นอยุ่กับว่าเชื้อรานั้นฝังลึกแค่ไหน น้ำยาตัวนี้สามารถกำจัดเชื้อราและแบคทีเรียได้ แต่ไม่ได้รับประกันว่าจะกำจัดได้ทั้งหมด บางทีการกำจัดเชื้อราแค่ใช้น้ำสบู่เช็ดก็ได้ แต่ว่าบางทีก็อาจจะใช้ต้องสารฟอกขาวเพื่อกำจัดออก ทาง Gear Aid แนะนำให้ล้างทำความสะอาดก่อนที่จะใช้ Odor Eliminator เพื่อฆ่าเชื้อรา

 

ข้อแนะนำในการผสม

** เพื่อผลลัพธ์ที่ดีทีสุ่ด เมื่อผสมน้ำยากับน้ำแล้ว ควรใช้ภายใน 72 ชั่วโมง

การบำรุงรักษาทั่วไปตามรอบ

ผสม น้ำยา 15 ml กัน น้ำ 75 ]ลิตร สำหรับอุปกรณ์เช่น wetsuit , Dry suit และเวเดอร์ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเกิดกลิ่นขึ้น วิธีการนี้เหมาะจะใช้กับอุปกรณ์ที่สามารถแช่น้ำไว้ได้

แบบขวนสเปรย์  – การบำรุงรักษาทั่วไป

ผสมน้ำยา 15 ml ต่อน้ำ 475 ml ในขวดฉีดสเปรย์ เหมาะกับอุปกรณ์เช่น รองเท้า บูท เต็นท์ เป้แบ็คแพ็ค วัสดุหนัง ที่ไม่สามารถแช่น้ำได้ แต่ยังต้องการดูแลรักษาเชิงป้องกัน อุปกรณ์พวกนี้จะไม่เหมาะแช่น้ำไว้จนอิ่มตัว แต่สามารถทำให้เปียกชื้นได้

แบบขวนสเปรย์ – สำหรับกลิ่นแรง

ผสมน้ำยา 60 ml ต่อน้ำ 475 ml .ในขวดฉีดสเปรย์ สำหรับอุปกรณ์ที่มีกลิ่นแรง หรือ กลิ่นที่กำจัดออกยาก เช่น กลิ่นยูรีนจากสัตว์เลี้ยง  กลิ่นเชื้อรา และกลิ่นตัว วิธีนี้เหมาะกับอุปกรณ์ที่ไม่เหมาะกับการแช่น้ำ แต่สามารถทำให้เปียกชื้นได้

การผสมน้ำปกติ

ผสมน้ำยา 30 ml ต่อน้ำ 19 ลิตร สำหรับอุปกรณ์ที่มีกลิ่นชัดเจน และสามารถแช่น้ำไว้ได้ เช่น เสื้อผ้า ชุดดำน้ำ Wetsuit , Dry suit และ อุปกรณ์เดินป่าอื่นๆ

การผสมแบบเข้มข้น

ผสมน้ำยา 90 ml ต่อน้ำ 4 ลิตร สำหรับอุปรกณ์ที่กลิ่นรุ่นแรงมาก สามารถแช่น้ำได้ เช่น พวกอุปกรณ์กีฬา กลิ่นจากสัตว์ รองเท้า เวเดอร์ ชุดดำน้ำ Wetsuit , Dry suit สามารถแช่น้ำทิ้งไว้ได้จนกระทั่งอิ่มตัว

 

ข้อแนะนำเพิ่มเติม

  • Odor Eliminator จะมีประสิทธิภาพสูงสุด คือคือทันที่ที่ผสมกับน้ำ เพราะว่าเชื้อจุลินทรีย์ส่วนใหญ่ยังมีชีวิตอยู่ เมื่อเวลาผ่านไปเชื้อจุลินทรีย์จะกินตัวเองทำให้ประสิทธิภาพของน้ำยาลดลง เพราะฉะนั้นให้เตรียมผ้าให้พร้อมก่อน เพื่อว่าเวลาที่ผสมน้ำยากับน้ำแล้ว จะสามารถแช่ผ้าลงไปได้ทันที และห้ามใช้น้ำยาเก่าที่ผสมไว้แล้ว
  • ยิ่งสามารถแช่อุปกรณ์ไว้จนอิ่มตัวเท่าไหร่ จุลินทีรยืก็ยิ่งทำงานได้ดียิ่งขึ้น ดังนั้นวิธีการแช่ก็มักจะให้ผลที่ดีกว่าแบบสเปร์ฉีด ในขณะเดียวกันก็ไม่ใช่ทุกอุปกรณ์ที่สามารถแช่น้ำจนเปียกชุ่มได้
  • ในกรณีที่ผสมใส่ขวดสเปร์ ให้ใช้ภายใน 72 ชั่วโมง จุลินทรีย์จะช่วยกำจัดแบคทีเรีย ในขณะเดียวกันเทมื่อผสมกับน้ำแล้วจุลินทรียืก็จะกำจัดตัวเองด้วย
  • ทาง Gear Aid แนะนำให้ผสมตามสัดส่วนข้างต้น การเพิ่มน้ำยามากกว่าปริมาณน้ำอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพ
  • สำหรับรองเท้า ให้กวนพื้นรองเท้าด้วยแปลงแข็ง เพื่อช่วยให้เกิดการแตกตัวของกลิ่นที่สะสมไว้ก่อนที่จะใช้น้ำยา Odor Eliminator
  • น้ำยาตัวนี้ไม่ใช่ตัวกลบกลิ่น แต่เป็นการใช้จุลินทรีย์ในการกำจัดแบคที่เรียที่ทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์
  • น้ำยาตัวนี้ไม่ทำให้เกิดคราบ สิ่งตกค้าง หรือกระทบกับการระบายอากาศ ทำให้เหมาะอย่างยิ่งที่จะใช้กับพวกผ้าเทคนิค และ GORE-TEX
  • น้ำยากำจัดกลิ่นที่เกิดจากเชื้อราได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ไม่ได้หมายความว่าน้ำยาสามารถกำจัดเชื้อราได้ทั้งหมด เนื่องจากการเกิดเชื้อรามีได้หลายระดับ ในหลายกรณี การทำความสะอาดในเบื้องต้นโดยใช้น้ำสบู่ก็เป็นวิธีการเริ่มต้นที่เหมาะสม
  • น้ำยาตัวนี้เน้นกำจัดกลิ่นที่เกิดตามธรรมชาติ ไม่รวมกลิ่นที่เกิดจากสารเคมี หรือน้ำหอม
  • น้ำยาตัวนี้จะไม่ทำให้สารเคลือบกันน้ำพวก PU / โพลียูรีเทน ที่อยู่บนเต็นท์ หรือเป้แบ็คแพ็คเสื่อมสภาพ แต่อย่างไรก็ตาม หากน้ำอุปกรณ์ดังกล่าวไปแช่น้ำย่อมมีผลให้อุปกรณ์เสื่อมสภาพมากขึ้น
  • ถ้าใช้น้ำยาตัวนี้แล้วกลิ่นยังคงอยู่ สามารถทำซ้ำได้
  • หลีกเลี่ยงการโดนความร้อน หรือการตากแดดโดยตรง เนื่องจากความร้อนทำอันตรายต่อจุลินทรีย์
  • ผึ่งลมอุปกรณ์ให้แห้งนานเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อให้เวลาจุลินทรีย์ในการทำหน้าที่ของมัน ไม่แนะนำให้แช่น้ำเป็นเวลานาน ถ้าเป็นถ้าโดยทั่วไปควรแช่ประมาณ 5 นาที ส่วนอุปกรณ์อื่นที่ไม่ใช่ผ้าควรแช่ประมาณ 15 นาที
  • การลดลงของกลิ่นจะเห็นได้ชัดเจน เมื่ออุปกรณ์แห้งเต็มที่
  • น้ำยาตัวนี้ อาจจะทำให้วัสดุที่เป็นหนัง มีสีเข้มขึ้น แนะนำให้ทดลองเป็นจุดเล็กๆ ก่อนใช้
  • น้ำยาตัวนี้มีอายุ 2 ปี การเก็บต้องผิดฝาให้แน่น เก็บผลิตภัณฑ์ในพื้นที่แห้งและเย็น

 

ข้อแนะนำในการทำความสะอาดเต็นที่มีกลิ่นจากเชื้อรา

ก่อนที่จะกำจัดกลิ่นที่เกิดขึ้น จำเป็นต้องกำจัดเชื้อราออกไปก่อน  แนะนำให้ใช้น้ำอุ่นและน้ำยาทำความสะอาดสูตรพิเศษของ Gear Aid รุ่น Revivex Pro Cleaner มาทำความสะอาด ซึ่งน้ำยาตัวนี้จะมีจุดเด่นตรงที่ไม่ทำความเสียหายให้กับสารเคลือบกันน้ำบนผ้าเต็นท์ของคุณครับ มีข้อแนะนำดังนี้ครับ

  • ห้ามซักเต็นท์ในเครื่องซักผ้า ตัวปั้่นในเครื่องซักผ้าจะทำความเสียหายให้กับผ้า สารเคลือบกันน้ำ และ เทปซีลตะเข็บ
  • โดยทั่วไปการทำความสะอาดเต็นท์ในขณะที่กางอยู่ หรือดึงให้ตึง จะทำได้ง่ายกว่ามาก
  • ล้างผ้าฟลายชีทด้วยมือเบาๆ ห้ามขัดหรือถูด้านในของฟลายชีท เพราะคุณอาจจะไปทำความเสียหายให้กับสารเคลือบกันน้ำที่เป็นโพลียูรีเทนที่อยู่ส่วนด้านในได้ (เต็นท์ส่วนใหญ่จะเคลือบกันน้ำด้วยโพลียูรีเทนด้านในครับ ทั้งส่วนที่เป็นฟลายชีท และเป็นผ้าชั้นใน )
  • ใช้น้ำยาทำความสะอาดเฉพาะ และล้างออกด้วยน้ำ จนกว่าคราบสบู่จะหมดไป

 

ทาง Gear Aid แนะนำให้ใช้วิธีการกำจัดกลิ่นที่เกิดจากเชื้อราบนเต็นท์ ดังนี้

  • เติมน้ำในอ่างให้มีปริมาณมากพอที่จะแช่ผ้าเต็นท์ลงไปได้ทั้งหมด
  • สำหรับกลิ่นที่ติดแน่น ออกยาก ให้ใช้น้ำยา Revivex Odor Eliminator ขนาด 30 ml ผสมกับน้ำทุกๆ 19 ลิตร / สำหรับกลิ่นที่ออกง่ายขึ้น ก็สามารถจะใช้น้ำยาแค่ 15 ml ต่อน้ำ 75 ลิตร  คนผสมให้น้ำกับตัวยาเข้ากันให้ทั่ว
  • ปลดซิปทุกตัว ที่อย่บนผ้าเต็นท์ ให้เปิดออก
  • แช่ผ้าเต็นท์ลงไปในน้ำที่ผสม Odor Eliminator แล้ว โดยถ้าเป็นผ้าแช่ไม่เกิน 5 นาที (ถ้าเอาไปใช้กับวัสดุอื่นที่ไม่ใช่ผ้า ใช้เวลาประมาณ 15 นาที)  เคล็ดลับคือให้ผ้าเต็นท์ชุ่มไปด้วยจุลินทรีย์ เพื่อให้เชื้อจุลินทรีย์ทำการกำจัดแบคทีเรียที่ทำให้เกิดกลิ่นออกไป ห้ามล้างน้ำ เพราะถ้าทำเช่นนั้นเชื้อจุลินทรีย์ก็จะถูกล้างออกไปด้วย ห้ามใช้ความร้อน เพราะความร้อนก็สามารถฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ได้เช่นกัน
  • ดีที่สุดคือ แช่่ลงไป แล้วเอาออกมาผึ่งลมให้แห้ง กลิ่นจะยังไม่หายไปในทันที ให้รอจนกว่าจะแห้งเต็มที่

อื่นๆ

  • ยิ่งผ้าทิ้งไว้ให้แห้งนานเท่าไหร่ เชื้อจุลินทีรย์ก็สามารถที่จะทำหน้าที่ของมันได้ดีขึ้น ความร้อนจะฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ และน้ำจะล้างเชื้อจุลินทรีย์ออก พยายามตากเต็นท์ให้สภาพอากาศที่เย็นและไม่โดนแสงแดดโดยตรง
  • น้ำยา Odor Eliminator ไม่มีส่วนผสมของสารเคมี หรือส่วนผสมที่ทำให้เกิดอันตราย แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ก็ควรจะใช้ความระมัดระวังในขั้นตอนการแช่ผ้าเต็นท์ เนื่องจากว่าเต็นท์หลายตัวมีการเคลือบสารโพลียูรีเทนที่ด้านในของฟลายชีทและบนพื้นเต็นทน์เพื่อคุณสมบัติในการกันน้ำ การเคลือบกันน้ำนี้ไม่ได้อยู่ติดถาวร สารเคลือบจึงมีโอกาสที่จะหลุดร่อนออกมาได้ โดยเฉพาะกับผ้าที่เต็นท์ที่เปียกชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้สารเคลือบร่อนหลุดออกมา ห้ามแช่ผ้าเต็นท์นานกว่า 5 นาที สำหรับผ้าโดยทั่วไปไแช่ประมาณ 5 นาที แต่ถ้าเป็นวัสดุอื่นที่ไม่ใช่ผ้าแช่ประมาณ 15 นาที
  • หากว่าผู้ใช้สังเกตุเห็นสารเคลือบรุ่นร่อนออกมา โดยปกติก็จะมีกลิ่นเหม็นคล้ายๆ กลิ่นอาเจียน หรือกลิ่นยูรีนออกมา ซึ่งมักจะเป็นกับเต็นท์ที่เคลือบกันน้ำหลุดร่อนออกมา หรือเต็นท์ที่มีอายุนานมากๆ น้ำยา Odor Eliminator จะไม่ได้ช่วยในกรณีนี้ จะช่วยแค่กำจัดกลิ่น